และแล้วผมก็ได้มีโอกาสไปลองชิมอาหารที่ชาร์โคลเฮ้าส์เสียที ผมวางแผนที่จะไปกินตั้งแต่เมื่อตอนต้นปีที่ผมได้ไปเชียงใหม่ แต่ก็ไม่มีโอกาสเนื่องจากครั้งนั้นโปรแกรมการกินแน่นมากจนไม่สามารถตระเวณกินได้ครบ แต่การมาเชียงใหม่ของผมในครั้งนี้ ผมไม่ได้วางแผนไปร้านชาร์โคลไว้เลย แต่ก็กลับมีโอกาสให้ได้ไปกินซะงั้น |
ชาร์โคลเฮ้าส์ เบเกอรี่แอนด์เรสทัวรองท์ ตกแต่งร้านด้วยวัสดุที่เป็นธรรมชาติ เน้นโทนสีอบอุ่น มีต้นไม้ล้อมรอบ ให้บรรยากาศของการนั่งกินข้าวอยู่ในสวน ที่นี่มีโต๊ะหลากหลายมุมให้เลือกนั่งตามความชอบของแต่ละคน มีทั้งนั่งในร้านซึ่งให้บรรยากาศเหมือนนั่งร้านอาหาร นั่งนอกร้านให้บรรยากาศเหมือนนั่งอยู่ในสวน และยังมีห้องส่วนตัวสำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว |
หลังจากผมเลือกทำเลที่ถูกใจได้แล้วก็ไม่รอช้า เมนูอาหารทุกหน้าได้ถูกผมสแกนด้วยสายตาจนหมด ถึงแม้ว่าที่นี่จะมีรายการอาหารให้เลือกไม่มากนัก แต่ก็ทำเอาผมเลือกยากอยู่เหมือนกัน เพราะแต่ละอย่างนั้นน่าลองมาก แต่ก็คงกินไม่หมด ไม่นานนักอาหารก็ถูกทยอยนำมาเริ่มจากล้างปากกันด้วยกาแฟหอมๆ ก่อน และรองท้องด้วยขนมปังกระเทียมตามด้วยอาหารจานหลัก สปาเก็ตตี้เส้นหมึก (ดำ) ผัดกระเพราซีฟู้ด, สปาเก็ตตี้ผัดขี้เมากุ้ง, ข้าวแกงเขียวหวานไก่, ข้าวแกงพะแนงหมู ตอนนี้ผมเริ่มเหงื่อตกซะแล้ว ตอนสั่งดันไม่คิดให้ดีซะก่อน สั่งมามีแต่ของเผ็ดทั้งนั้นเลย สำหรับผมที่ทานเผ็ดไม่เก่งนั้น นี่ถือว่าร้อนแรงเอาเรื่องทีเดียว เลยต้องขออาหารเด็กๆ มาอีกสักจาน สเต็กปลาทอด ช่วยให้ปากเย็นขึ้นได้เยอะ แต่เท่านี้ยังไม่พอ มาร้านเบเกอรี่แต่จะไม่สั่งขนมมันก็ดูแปลกอยู่ ก็เลยสั่งของเด็ดของทางร้าน เค้กช็อกโกแลตภูผาดำ ที่ผมได้ข่าวว่าเป็นเค้กชื่อดังของชาร์โคลมาชิมสักหน่อย แล้วผมก็ไม่ผิดหวังเลยครับ ปิดท้ายกันด้วย ไอศครีมวนิลลากับกล้วยหอมทอด ราดลิเคียวส้ม ก็อร่อยไม่แพ้กัน |
ยังมีอาหารและขนมอีกหลายเมนูที่ผมอยากจะลองลิ้มรส แต่ครั้งนี้ต้องยอมหยุดแค่นี้ก่อนเพราะไม่มีท้องเหลือจะให้ใส่อีกแล้ว หากมีโอกาสไปเชียงใหม่อีกรับรองว่าต้องหาเวลาไป ชาร์โคลเฮ้าส์ แน่นอน |